พระธรรมทายาทพุทธพจน์ สกฺกสโร (บุญมี) วัดนิคมเกษตร จ.มุกดาหาร
กระผมพระธรรมทายาทพุทธพจน์ สกฺกสโร (บุญ มี) อายุ ๔๒ ปี ตัวแทนพระธรรมทายาทจากวัดนิคมเกษตร อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร แต่ว่าบ้านผมอยู่ที่ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ หลวงพ่ออาจจะสงสัยว่า ทำไมผมถึงมาอบรมไกลจาก บ้านมาก เพราะมันมีความจำเป็นครับ คือว่าผมต้องการ เอาชนะกิเลสในตัวเองให้ได้ (สาธุ จิตใจสูงส่งเหลือเกิน สุดยอดเลยลูก สุดยอดเลย) คือว่าผมทดลองสูบฝิ่นมา กว่า ๒๐ ปี (ทดลองวิทยาศาสตร์ดู ทดลองสูบทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น กลางคืน ว่ามันคืออะไร)
แต่หลวงพ่อครับ อดีตผมเรียนเก่งนะครับ เป็นบุคคล ในระดับปัญญาชนแห่งยอดดอย และผมก็เคยเป็นพนักงาน สุขภาพชุมชน หรือชื่อย่อ พ.ส.ช. (อย่างนี้ต้องฟ้อง ผจก.ให้ ตงด.เลย ให้ผู้จัดการไปตัด เงิน เดือนได้แล้วนี่นะ เพราะว่า ตอนแรกเป็นพนักงานสุขภาพชุมชน แต่สุดท้ายกลับมา ติดยาเสียเอง)ผมติดฝิ่นอย่างรุนแรงจนลูกและภรรยาไม่ปลื้มเลย นอกจากไม่ปลื้มแล้วยังเอือมระอา ภรรยาจึงขอเลิกทาง กับผม ผมก็อนุญาตให้เลิกนานกว่า ๔ ปี แล้วครับ ผมเลิก กับภรรยาได้ แต่ผมเลิกสูบยาไม่ได้เลยแม้สักวันเดียว แต่ นั่นมันคืออดีตที่ผมดีดไปแล้ว
จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเพื่อนบ้านที่แสนดีที่เคยสูบฝิ่น มานานจนอายุเกือบ ๖๐ ปี ตอนนั้นก็เป็นอดีตของเขาที่ ผิดพลาด ซึ่งเขาดีดไปแล้ว ต่อมาเขามาบวชในรุ่น ๗,๐๐๐ ตำ บล พอออกจากโครงการนี้ป๊บ ก็เลิก ฝิ่นได้อย่างเด็ด ขาด ปั๊บเลย จนเป็นที่ร่ำ ลือไปทั่วทั้งดอย จากดอยนี้ไปสู่ดอย โน้นทุกๆ ดอยไปเรื่อยๆ เลยว่า วัดพระธรรมกายมียาวิเศษ (อ๋อ มีจ้ะ เขาเรียก ธรรมโอสถ ถ้าอยากเลิกยาได้ เด็ดขาดก็ต้องมาบวช)
ข่าวนี้แพร่สะพัดกระจายไปถึงพรรคพวก (นี่พลพรรค เป็นพรรคผู้ติดยา แต่รักดี และอยากเลิก) มีสมาชิกพรรค กว่า ๔๐ คน ที่ติดยา แต่รักดี จึงรวมตัวกันมาบวชเพื่อเลิกยาครับ (สาธุ) ดังนั้นถ้าผมบวชใกล้บ้านแล้ว ถ้าเกิด อาการอยากยาขึ้นมา ผมกลัวว่า จะแพ้ใจตัวเอง เดี๋ยวก็จะ ลากลับ ไปบ้าน แล้วกลับ ไปสบู ยาอีก เพราะที่นั่น หาซื้อ ฝิ่น ง่ายกว่าซื้อหมูอีกครับ (โอ้ ขนาดนั้นเลยนะ) ทุกคนจึงพา กันมาอบรมที่ศูนย์อบรมวัดนิคมเกษตร จังหวัดกดาหาร ซึ่งต้องนั่งรถมากว่า ๑๘ ชั่วโมง
หลวงพ่อครับ ๓ วันแรกนี่ ความชั่วร้ายที่ผมเคย ข้องแวะมันรุมสกรัมผมทั้งกายและใจ ผมทุกข์ทรมานมาก เลย ผมมีอาการลงแดงอยากยา ร่างกายมันปวดไปหมดทุก ส่วนเลย (อ๋อ ลงแดงมันเป็นอย่างนี้นะ ทดสอบ) ปวดเข้าไป ถึงกระดูก น้ำ ตาน้ำ มูกไหล ตลอดเวลา ปวดร้อนไปทั้ง ตัว ต้องอาศยั เอาน้ำ ราดตัว เป็นช่วงๆ (ขนาดนี้เลยนะ)หลวงพ่อครับใน เวลานั้น ผมขอสารภาพ ว่า ถ้าให้ผมเดินกลับ บ้านได้นี่ แม้ต้องข้ามภูเขาเป็น ๑๐ ลูก ผมก็จะเดินไป (โอ้ มันขนาดนั้นเลยนะ) แต่ว่า มาอยู่ที่นี่ ระยะทางมันไกลเกินกว่าที่ผมจะเดินกลับครับ ผมก็ต้องเลือกเอาว่า จะใช้ความอดทนหรือว่าเราจะกลับ กัน ในที่สุดก็ต้องเลือกใช้ความอดทน แต่ก็ต้องอดทน เป็นอย่างมาก แต่โชคดีของผมครับ.ที่มีพระพี่เลี้ยงที่แสน ดี (โอ้ สาธุ)
ท่านแนะนำ ราวกับ ผู้มี ประสบการณ์ว่า จะแก้ลงแดงได้ มันไม่ยากหรอก ต้องเอาใจลงศูนย์ (เอ้อ คิดได้ไงน่ะ เห็น ไหมจ๊ะว่า ชาวโลกขาดกัลยาณมิตรไม่ได้ เหมือนโลกใบนี้ ขาดดวงตะวันไม่ได้ ขาดแสงสว่างไม่ได้เลย พระพี่เลี้ยงที่ แสนดีท่านเป็นประดุจดวงตะวันมุกดาหาร) ผมจึงข่มใจฝึกนั่งสมาธิ และก็ตรึกนึกถึงศูนย์กลางกายไปเรื่อยๆ(อย่างนี้เรียกว่า เราหัวเราะเยาะพญามาร ถ้าเดิน กลับ ข้ามภูเขาแม้หลายลูก จะได้ชื่อ ว่า เป็นผู้เ ก่งที่สามารถ เดินข้ามเขาไปได้หลายสิบลูกก็ตาม และแม้ถึงที่หมาย โดยปลอดภัยก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้ชื่อว่า ผู้กล้านะ ข้ามไป ก็เหนื่อยฟรี)
ผมข่มใจนั่งสมาธิ แล้วก็ตรึกนึกถึงศูนย์กลางกายไป เรื่อยๆ ผมนั่ง อยู่อย่างนั้น โดยไม่หวัง อะไรเลย (ดีจ้ะ ถูก หลัก วิชชาด้วย มีพระพี่เลี้ยงที่แสนดีคอยประคับประคองเป็น กัล ยาณมิตรให้) ผมทิ้ง ความรู้สึก ทุก อย่างไว้ในศูนย์กลาง กาย (ทิ้งทุกอย่างไว้นะจ๊ะ เพราะที่ศูนย์กลางกายนั้นเป็น ที่รีไซเคิล ที่จะทำให้เกิดชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม เพราะตรง
นั้นมีแต่ความสุข ทุกข์ไม่มีเลย ความเสียว ความสะดุ้ง ไม่มีในเส้นทางสายกลาง มีแต่ความสุข) ผมพยายามทำ ใจนิ่งๆ อย่างนี้ตลอดไว้ที่ศูนย์กลางกายหลวงพ่อครับ แปลกมากเลย หลังจากนั่งสมาธิไป ๑ สัปดาห์ ร่างกายของผมก็ไม่มีอาการลงแดง (นี่แปลว่า มันลงแดงไปอย่างนั้นเอง ทดสอบแค่นั้นเองว่า เราจริงไหม ถ้าเราสู้จริงๆ มันก็แพ้เรา)
ผมไม่มีอาการลงแดงเลย และลืมความอยากยาไป โดยไม่รู้ตัว ใจผมสงบขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้พอนั่งหลับตาจน ใจนิ่งแล้ว ผมก็จะเห็นดวงกลมๆ เกิดขึ้นตรงบริเวณกลาง ท้อง (เอ้อ นี่เห็นไหมจ๊ะ เกิดขึ้นแล้ว ดวงกลมสากลที่อยู่ กลางท้อง) ดวงนั้น มีขนาดประมาณ ๑ กำ มือ เป็นดวงขุ่น ๆ สีดำ ดวงดำเป็นนิลเลยครับ ผมเห็นชัดติดอยู่ในกลางตัว ตลอดเวลาเลยพอลืมตาขึ้นมาก็เกิดอาการไม่สบายใจว่า ทำไมคน อื่นเขาเห็นดวงใส แล้วทำไมเราเห็นเป็นดวงสีดำ ทำไมจึง ต้องเป็นผม ผมจึงไปปรึกษา Advisor คือ พระพี่เลี้ยงที่ แสนดี (สุดยอดเลย)
พระพี่เลี้ยงที่แสนดีก็บอกว่า (ขออย่ายอมแพ้ แม้เริ่มต้น ก็ลงแดง ท่ามกลางก็ลงดำนี่นะ เรื่องนี้มีเหตุ พระพี่เลี้ยงที่ แสนดีบอกอย่างนี้หรือเปล่าไม่ทราบ) ก็ที่เป็นอย่างนี้เพราะ ผมเองไปยุ่ง กับ ยาเสพติด ดวงผมเลยหมองอย่างนี้ (ถ้าใคร ใจหมองต้องไปอบาย)ผมไม่อยากไปอบาย เลยตั้งใจว่า จะต้องทำใจให้ ใสๆ ให้ได้ พระพี่เลี้ยงที่แสนดีบอกว่า ต้องมีแฮงใจ๋ มีไฟ ต่อสู้ เมื่อ ผมมีแฮงใจ๋ ผมจงึ ไปนั่ง สมาธิ แต่ว่าหลวงพ่อครับ หลับตาทีไรผมก็ยังเห็นอย่างเดิม ดวงกลมๆ ดำๆ ทุกครั้ง แต่คราวนี้ผมมองไปเฉยๆ นิ่งๆ ผมก็ยังเห็นอย่างนั้นทุกวัน
จนเข้าสู่ช่วงสัปดาห์ที่ ๒ วันนั้นผมก็นั่งมองดวงดำ ไปตามปกติ แต่ว่าใจผมนิ่งมาก แล้วผมก็สังเกตเห็นว่า วันนี้ดวงในกลางท้องของผมค่อยๆ ใสขึ้น ใสเหมือนฟอง สบู่ มีแสงนวลๆ คล้ายแสงจันทร์ ผมเห็นดวงใสๆ ติดอยู่ ในกลางกายของผมประมาณ ๗ วัน
ในวันที่ ๘ พอผมวางใจนิ่งๆ แล้วมองเบาๆ ไปที่ดวง นั้นผมก็เห็นเป็นองค์พระ (สาธุ) องค์ท่านใหญ่ประมาณ ๑ ศอก และมีแสงสว่างคล้ายแสงจันทร์นวลตา พอมอง ไปในกลางองค์พระแป๊บเดียวก็เห็นเป็นดวงใสๆ เกิดขึ้น มาแทนองค์พระ พอมองกลางดวงใสๆ ก็จะเห็นเป็นองค์ พระสลับไปมาอย่างนี้ ตลอดเวลาเลยครับ (สาธุ เข้าขั้น Advance แล้วนี่)
หลวงพ่อครับ เดี๋ยวนี้ผมเห็นองค์พระใสๆ เป็นปกติ ชัดใสสว่างยิ่งกว่าลืมตาเห็น เพียงแต่ว่าถ้าหลับตาจะเห็น ชัดกว่าลืม ตาครับ ผมรู้สึก อัศจรรย์ใจมากที่ได้รู้ว่า ในท้อง ผมมีสิ่งวิเศษอยู่ ผมรักองค์พระมาก รักที่สุดเลย ตั้งแต่ เห็นองค์พระแล้วผมมีแต่ความสบายใจ เย็นกายเย็นใจ อยู่ตลอดเวลา ผมรู้สึกซาบซึ้งถึงพระพี่เลี้ยงที่แสนดี และ ผมขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างสูงที่ทำให้มี โครงการดีๆ แบบนี้เกิดขึ้น
ตอนนี้ผมเหมือนได้เกิดใหม่ มีชีวิตที่สมบูรณ์ อย่างมหาศาล และก็จะไม่กลับไปเสพยาอีกตลอดชีวิต ครับ (สาธุ) ผมจะตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเองให้ดี จะได้มาทำ หน้าที่เป็นพระพี่เลี้ยงในโครงการอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน เพื่อ ที่จะช่วยหลวงพ่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาครับ (สุดยอดเลย)
พระธรรมทายาทพุทธพจน์ สกฺกสโร