พระธรรมทายาทมุยดา สุภมโน วัดบ้านขุน จ.เชียงใหม่
พระธรรมทายาทมุยดา สุภมโน อายุ ๖๑ ปีตัวแทนพระธรรมทายาทจากวัดบ้านขุน จังหวัดเชียงใหม่ครับ ก่อนมาบวชผมมีตำแหน่งเป็นพ่อหลวง คือ ผู้ใหญ่ บ้านแห่งหมู่บ้านนาเกียน อำเภออมก๋อย (อมก๋อย เป็น ภาษาลั้วะแปลว่า “ต้นน้ำ”) และมีหน้าที่สำคัญ ที่ไม่ใช่ว่า ใครๆ จะทำได้ในโลกนี้ เพราะทั้งหมู่บ้านมีอยู่แค่ ๓ คน เท่านั้น คือ การเป็นหมอประจำบ้าน (เป็นดอกเตอร์) หรือ เรียกง่ายๆ สั้นๆ ว่า หมอผีครับ (คือ ผีต้องมารักษาหรือเปล่าก็ไม่ทราบนะ หมอคน ก็อย่างหนึ่งนะ สัตวแพทย์นั่นก็อีกอย่าง รักษาแมวบ้าง ถ้าหมอผีนี่รักษาผีมั้ง) ผมจะคอยช่วยเหลือปัดเป่าทุกข์ภัย และรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ให้กับคนในหมู่บ้าน (อ๋อ แต่นี่รักษาคนนะจ๊ะ)
แม้ผมจะยังไม่ถึงขั้นรับตำแหน่งเป็นหัวหน้าหมอผี แต่ ขอบอกนะครับว่า ชาวบ้านก็นิยมมาหาเพื่อให้ผมช่วยรักษา โรคต่างๆ ให้เสมอ ตั้งแต่โรคแมงกินแค่ว (ฟันผุ) โรคตา เจ็บ โรคปวดตามเนื้อตามตัว กระดูกหักไปจนถึงโรคมะเร็งครับ
วิธีรักษาก็ง่ายมาก แค่เป่าและก็สวดมนต์ อัตราการ หาย ถ้ามา ๑๐ คน หายจากโรค ๗ คนครับ (โอ้ ชั้นหนึ่ง)ผมมาบวชในโครงการนี้ได้ เพราะการชักชวนของ พระน้อย คือ สามเณร (อย่างนี้เรียกถูก สามเณร เรียกอย่างเทิดทูน แปลว่า คนที่เรียกอย่างนี้มีดวงปัญญา มี จิตใจสูงส่ง มีคุณภาพจิตดี ถ้าเรียก ไอ้เณร เขาเรียกว่าจิตด้อย จิตตกต่ำ นี่นะจ๊ะ)
ตอนนั้นมีสามเณรขึ้นมาชวนคนบนดอยให้ไปบวช ผมก็คิดว่า ตอนนี้เฮายังบ่ตายก็ยังเสาะบุญให้ตัวเองได้ ถ้า ตายเฮาก็หมดโอกาสเสาะบุญ คิดได้อย่างนี้ผมจึงตัดสินใจ บวชทันทีครับ ปกติผมเป็นคนชอบไปวัด ทำบุญ และนั่ง สมาธิอยู่แล้ว ผมจะตื่นมานั่งสมาธิเป็นปกติตอนตี ๑ ตี ๒ เป็นประจำ นั่งแบบทำใจสบายๆ ภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ แต่ก็ไม่มี ประสบการณ์อะไร
พอมาบวชในโครงการนี้ ผมได้นั่งสมาธิมากขึ้น แล้ว ในวันที่ ๙ ผมก็นั่งสมาธิไปตามปกติ คือ วางใจนิ่งๆ ทำตามเสียงของหลวงพ่อไปเรื่อยๆ สักพักหนึ่ง ก็รู้สึกเหมือน กับว่า ตัวเองตกหลุมลึก ในหุบเหวที่ ลึกมากๆ ลึกมากจนมองไม่เห็นก้นเหวเลยครับ ตอนนั้น ผมตกใจและกลัว สุด ขีด เพราะรู้สึก เหมือนกับ ตัว เรากำลัง ดิ่ง ลึก ลงไปเรื่อยๆ ผมสะดุ้ง และลืม ตาขึ้น มา ปรากฏว่าผมยังนั่งสมาธิอยู่ที่เดิม (นี่คือ อาการตกศูนย์ บางคนก็ตก อย่างละมุน บางคนก็รุนแรงอย่างนี้นะ)
วันต่อมา พอนั่งสมาธิอีก ผมวางใจเฉยๆ เอาไว้ที่ กลางท้อง นั่งไปสักพักก็รู้สึกว่ามันบ่มีตัวตน ตอนนั้น ใจผมนิ่งมากเลย แล้วผมก็เห็นดวงแก้วใสสว่างเกิดขึ้นเอง โดยอัตโนมัติ (สาธุ นี่ไง คือ ดวง ธรรม แต่ว่าใสเหมือนดวงแก้ว กลมเหมือน ดวงแก้ว เลยเรียกดวง แก้ว จริงๆ แล้ว คือ ดวง ธรรม นี่แหละความ หมายของคำว่า ธรรมะ ความบริสุทธิ์ ความ สูงส่งที่ยกอารมณ์ ของเราจิตใจของเรา ให้สูงส่งขึ้น)
ดวงแก้ว พากัน เรียงแถวพุ่ง ขึ้น มาจากกลางท้องของผม เป็นแถวเป็นแนวเยอะมาก เลย (ถูกต้องมากจ้ะ ดีมาก) สักพักก็เห็นองค์พระแก้ว ใสเรียงเป็นแถวขึ้นมาอีก จน เป็นทางยาวเลยครับ (นี่ไม่ธรรมดาแล้วแหละ) องค์พระ งามมักๆ (งามนักขนาด) ทั้งใส ทั้งสว่าง (นี่องค์พระมาป่ะ เลอะปะเต๋อ มามากมาย) แต่ว่าหายไปเร็วมากเลย ท่าน พุ่งขึ้นมา องค์นี้หาย มาใหม่อีก เหมือนเรากดปุ่มเปลี่ยน ช่องทีวีไปเรื่อยๆ ไม่หยุดพอเห็นพระแล้วทั้งกายและใจผมก็โล่งไปหมดเลย มีความสุขและสดชื่นมากไม่รู้จะอธิบายยังไง (นี่ก็อธิบายมาตั้งเยอะแล้ว)
บางทีองค์พระก็องค์ใหญ่มากๆ แค่เฉพาะ เศียรก็กว้างประมาณ ๑ เมตร และไม่ว่าจะทำอะไร ผม จะรู้สึกว่า มีองค์พระติดตัวติดใจอยู่ในกลางท้องของผม ตลอดเวลา (สาธุ นี่ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว ถูกแล้วนะจ๊ะ ทำต่อไปอีก เห็นไหมจ๊ะ จากไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เห็นขึ้นมาเองนี่ไง) หลวงพ่อครับ ตอนนี้ผมบ่คิดจะสึกแล้ว สึกไปผม ก็เป็นหมอผี อยู่ตรงนี้ผมเป็นพระ ผมอยากบวชตลอด
ผมจะกลับ ไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในหม่บู ้านของผม เพราะตอนนี้ทั้งตำบลที่ผมอยู่นั้นมี วัด เหลือ อยู่แค่ เพียงวัดเดียวครับ ชาวบ้าน เขาเปลี่ยนใจไปนับถืออย่างอื่นกันหมด (ก็กลับไปบอกเขา สิจ๊ะว่า ในตัวเรามีพระ รับรองที่เขาไปสอนๆ กัน เขาไม่ เคยเห็น อย่างนี้ นะ แล้วยิ่งเป็นผู้เข้าถึง จริง ๆ ไปบอกนี่สบาย)
ผมจะตั้งใจฝึกฝนตนเองให้เป็นพระแท้ และ จะเป็นตัวแทนของหลวงพ่อนำ ความสว่างไปสู่ยอดดอย ไปพัฒนาวัดใน ตำบลของผมให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งครับ (สาธุ ถ้าได้พุทธบุตรอย่างนี้ ไม่ใช่เฉพาะวัดเดียว พัฒนาได้หลายวัดเลย จะเอาผ้าเหลืองห่มดอย ต้องเอา ชาวดอยผู้มีบุญมาบวช แล้วก็ให้เข้าถึงธรรมะเหมือนพระ ธรรมทายาทมุยดา สุภมโน นี่เอามาหลายๆ มุย จะได้ดัง กระหึ่มไปทุกดอยเลยจ้ะ)
พระธรรมทายาทมุยดา สุภมโน