ดาราหนัง ซาไก ยูไนเต็ด มาบวช ๑๐๐,๐๐๐ รูป
ชาเป็นชาวซาไกใน จ.สตูล เกิดในครอบครัวขาวซาไกแท้ ๆ ที่หมู่บ้านทับท่อง อ.ละงู จ.สตูล ซึ่งปืจจุบันมีชาวซาไกอาศัยอยู่ ประมาณ ๓๐ หลังคาเรือน ส่วนใหญ่เป็นเด็กและวัยรุ่นยุคใหม่ นุ่งกางเกงยีนกันมานานหลายปีแล้ว ชีวิตของชาวซาไกแม้ห่างไกลความเจริญทางวัตถุ แต่พวกเขาก็นับว่ามีความเจริญทางจิตใจไม่น้อยเมื่อเทียบกับคนเมือง บางคน เพราะพวกเขาไม่มีการลักเล็กขโมยน้อย ไม่นิยมดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่ และไม่รู้จักยาเสพติดอื่นใด วันที่ชาไปสมัครบวข พระอาจารย์ที่วัดควนกาหลงถามว่าเคยเสพยาเสพติดไหม เขาตอบ ด้วยความงุนงงว่า "ผมไม่รู้จักว่ายาเสพติดมันคืออะไร"
เขารู้ข่าวการบวชจากป้าบลกับลุงไข่ ที่ไปขวนญาติของเขา บวช แต่ญาติของเขาไม่อยู่ เดินทางไปพัทลุง ซึ่งต้องเดินข้ามเขาไป ชาจึงอาสาไปตามให้...ความรักความกตัญณูต่อพ่อแม่เป็นธรรมชาติชองมนุษย์ ทุกคน ต่างกันที่ว่าใครจะแสดงออกแบบไหน ระหว่างการเดินทาง ตามลำพังในปาเขา ชามีโอกาสใช้ความคิดทบทวนถึงข้อดีของการ บวชที่ได้ยินมาจากป้าบลกับลุงไข่ สลับกับการนึกถึงหน้าพ่อแม่ ทำให้เขาคิดว่าการบวชน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่เขาอยากทำให้แม่ และพ่อที่รักและเลี้ยงดูเขามา และเขาเองก็รักท่านมาก
"คืนนั้นผมเดินเข้าปา เพื่อไปแจ้งข่าวบวชแสนรูปให้ญาติ ระหว่างทางผมก็คิด ๆ ไว้ว่า เราน่าจะบวชเอาบุญให้แม่กับพ่อ สักครั้ง "เมื่อไปถึง ญาติผมบอกว่ายังไม่พร้อมที่จะบวช ผมจึงเดิน ข้ามเขาลูกเดิมกลับมาสตูลเพื่อแจ้งป้าบลว่า ญาติคนที่ให้ไปตาม เชาไม่บวชแล้ว" ป้าบลได้ข่าวก็กลับบ้านไป ก่อนกลับสั่งไว้ว่า "หากใคร อยากบวชให้โทรไปบอก ป้าจะมารับทันที" "หลังจากป้าบลไปแล้ว ผมใช้เวลาคิดอยู่พักหนึ่ง จึงตัดสินใจ ว่าจะบวชตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงดูและยอมทำบาปกรรม หลายอย่างเพื่อผมและพี่น้องตลอดมา ตัดสินใจแล้วก็แจ้งข่าวให้ พ่อแม่และคนรอบข้างทราบโดยทั่วกัน ทุกคนก็เห็นด้วย"
เฒ่าเสน ศรีสายทอง ลุงของชาซึ่งเป็นกำนันชาวซาไก เมื่อรู้ ว่าชาจะบวช เฒ่าเสนก็บอกว่า จะตามไปบวชด้วย "รุ่งขึ้นอีกวัน ป้าบลก็มารับผม แล้วพาไปหาท่านนายอำเภอ คือ ท่านพิสิฐ ตั้งปอง เพื่อเซ็นรับรองการบวชให้ผม เนื่องจากผม ไม่มีสูติบัตรแจ้งเกิดเหมือนคนไทยทั่วไป และผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองอายุ เท่าไร เพราะตอนผมเกิด พ่อกับแม่ไม่ได้ไปแจ้ง1,กิดที่อำเภอ แต่ หากถามว่าผมอายุเท่าไร ครบบวชจริงหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าครบ ครับ คนรอบช้างก็คาดคะเนว่าผมน่าจะอายุ ๒๑-๒๔ ปี"
จากนั้น ผมก็เดินทางไปที่วัดควนกาหลง พระอาจารย์และ พระพี่เลี้ยงให้การต้อนรับผมด้วยไมตรีจิต พูดคุยด้วยความเป็น กันเอง ท่านแนะนำสิ่งต่าง ๆ ที่ควรทราบแก่ผม แล้วก็ทำพิธี ปลงผมให้ เมื่อถึงเวลาญาติ ๆ และป้าบลก็มาร่วมพิธีตัดปอยผม ตอนกำลังปลงผม ผมรู้สึกเหมือนว่า เรากำลังมีชีวิตใหม่ที่บริสุทธิ์กว่าเดิม ปลงเสร็จแล้วก็ได้ความรู้สึกโล่ง ๆ เบา ๆ บนศีรษะ
"รุ่งขึ้นอีกวัน ผมก็ได้พบกับเฒ่าเสน •ที่รักษาสัญญาและเดิน ทางมาถึงวัดควนกาหลง แกมีท่าทางดีใจมากที่ได้เจอผมในรูปโฉม แปลกใหม่ ส่วนตัวแกมีทรงผมที่คล้าย ๆ จะเตรียมบวชมานานแล้ว ดังนั้นการปลงผมให้เฒ่าเสนจึงเป็นเรื่องไม่ยากนัก"
ชีวิตแบบชาวซาไกแท้ ๆ อยู่แต่ในปาลึกเป็นหลัก วัน ๆ หนึ่ง ชาวซาไกต้องออกหาของป่ามากินประทังชีวิต เช่น หัวมัน หัวเผือก หรือไปล่าสัตว์มากิน โดยใช้เครื่องมือที่เรียกกันว่า "บอกตุด" ซึ่ง เป็นกระบอกไมไผ่ยาวประมาณ ๒ ฟุต แล้วใช้ลูกดอกอาบยาพิษที่ทำมาจากยางไม้ชนิดหนึ่งเปาไปที่ตัวสัตว์ แต่นับวันสัตว์ปายิ่งหา ยากขึ้น เพราะความอุดมสมบูรณ์ของปาลดลง ชีวิตของชาวซาไก จึงค่อนข้างลำบาก บางครั้งก็หาของกินไม่ได้
"แต่ชีวิตของผมในโครงการบวช ๑๐๐,๐๐๐ รูป ต่างจาก ชีวิตในปาอย่างสิ้นเชิง ผมต้องตื่นแต่เช้า เช้าแถว สวดมนต์ นั่งสมาธิ และทำกิจกรรมอีกหลายอย่าง แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะ ผมไม่ต้องคิดอะไรมาก ถึงเวลาก็มือาหารมาให้กิน ไม่ต้องกังวลว่า จะกินอะไร
"กิจกรรมที่ผมชอบที่สุดในการมาเป็นธรรมทายาท คือ การ นั่งสมาธิ เพราะผมรู้สึกว่านั่งแล้วได้ความสงบดี ไม่ต้องคิดอะไร มากมาย เวลาผมนั่งสมาธิ ผมชอบนึกลูกแก้วใส ๆ เอาไว้ที่กลาง ท้อง ตอนแรกนึกได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่นึกไปนึกมาก็เห็นขึ้นมา สบายใจมาก"
หลังจากได้เช้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว พระขา คุณพทโธ ก็ทำกิจวัตรกิจกรรมด้วยความตั้งใจ ด้วยความเคารพใน กฎระเบียบ และวินัยของพระ เมื่อถึงเวลาช่วยกันทำงาน ก็ขยัน ขันแข็ง ถือเป็นพระภิกษุรูปหนึ่งที่ตั้งใจ'ฝิกฝนอบรมตนเองได้อย่าง น่าชื่นชม การบวชครั้งนี้ พระชาได้เรียนรู้คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้เรื่องกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว รู้จักการทำ สมาธิที่ช่วยให้Iจสงบและมีความสุข ได้เพื่อนมากมาย และได้รู้ ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน ทำให้เข้าใจชีวิตมากขึ้น ที่ผ่านมาพระขาต้องดิ้นรนเพื่อปากท้องตามวิถีชีวิตของชาว ซาไก แต่การบวชครั้งนี้ทำให้ท่านได้รับประสบการณ์ดี ๆ มากมาย เรียกได้ว่าเวลาเพียงไม่กี่วันในโครงการนี้ ท่านได้เรียนรู้อะไรดี ๆ มากจนนึกไม่ถึงว่าจะมากมายขนาดนี้ ทางโครงการสอนทุกอย่างตั้งแต่การรับประทานอาหาร การ ล้างจาน การดื่มนํ้า การดูแลสุขภาพ การบริหารเวลา ความมีวินัย ความเคารพ ความอดทน กฎแห่งกรรม ไปจนถึงเรื่องการขับถ่าย การอาบนํ้า การซักผ้า การตากผ้า การขัดห้องนํ้า การถูพื้น และ อื่น ๆ อีกมากมาย โอกาสที่จะได้เรียนรู้เรื่องดี ๆ อย่างนี้คงจะเกิด ขึ้นได้ยากสำหรับหลาย ๆ คน หากไม่มีโครงการบวชพระ ๑๐๐,๐๐๐ รูป
"ถ้าไม่มีโครงการนี้อาตมาคงยังไม่ได้บวช เพราะติดขัด หลายอย่าง การบวชทำให้คนทุกเชื้อขาติได้เรียนรู้เรื่องราวความ เป็นจริงของชีวิต ได้รู้จักและเข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม และได้ เรียนรู้สิ่งดี ๆ หลายอย่างที่นำไปใช่ในชีวิตประจำวันได้ กราบ ขอบพระคุณหลวงพ่อที่เปิดโอกาสให้ทุกคนบวชฟรีครับ"
หลังจากลาสิกขาแล้ว ชาก็ยังติดต่อกับเพื่อน ๆ ที่บวชด้วย กัน เมื่อกลับไปอยู่บ้าน เขารู้สึกว่าโลกนี้สดใสน่าอยู่มากขึ้น และ รู้สึกเป็นมิตรกับทุกคนมากขึ้น ชาพยายามไม่เบียดเบียนสัตว์ และ คอยช่วยเหลือถ้าเห็นมันตกทุกข์ได้ยาก นี่เป็นผลมาจากจิตใจที่ นุ่มนวลอ่อนโยนจากการฝึกสมาธิ รวมทั้งตระหนักถึงโทษของการ ฆ่าจากการเรียนรู้เรื่องศีล ซึ่งเท่ากับว่านอกจากเขาจะรู้จักทำความ ดีมากขึ้นแล้ว ยังทำบาปอกุศลน้อยลงด้วย หากไม่ได้บวชเขาก็ยัง คงฆ่าสัตว์ตัดชีวิตตลอดไปด้วยความไม่รู้ แต่บาปอกุศลนั้น แม้ว่าจะทำไปด้วยความไม่รู้ ก็มีผลร้าย ทั้งสิน เพราะหากใครทำความชั่ว ในที่สุดก็จะต้องได้รับผลจาก กรรมชั่วนั้น การได้บวช ได้สีกษาคำสอนในพระพุทธศาสนา จึง เป็นความโชคดีอย่างยิ่งของชาและของผู้บวชทุกคน นอกจากนี้ บุญจากการบวชเป็นพระแท้ตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบยังช่วยตัดรอนวิบากกรรม ที่เคยทำมาทั้งในปึจจุบัน และในอดีตชาติ ซึ่งคอยตามทำลายล้างทุกชีวิตให้เบาบางลง...