หนุ่มอังกฤษ...อยากใช้ชีวิต เป็น พระ
ในโลกยุคไร้พรมแดนเช่นในปัจจุบัน วัฒนธรรมของแต่ละ ประเทศได้แพร่ขยายออกไปถึงกันและกัน ทำให้การบวชพระไม่ได้ เป็นเพียงเรื่องของชาวพุทธในเมืองพุทธเท่านั้น แต่มีชาวต่างชาติ เห็นคุณค่าของการบวชจนต้องเดินทางข้ามหุบเขา ผืนนา และ ท้องฟ้า เข้ามาบวชในดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา ดังเช่น ออสซี คอลแลนด์ (Oszey Calland) อายุ ๔๗ ปี เจ้าของธุรกิจนำเที่ยว ชาวอังกฤษ ออสซีทราบข่าวโครงการบวชพระครั้งนี้จากหุ้นส่วนที่ทำ ธุรกิจด้วยกัน ที่บ้านของหุ้นส่วนคนนี้ติดจานดาวธรรม (DMC) ออสฃีจึงได้เรียนรู้คำสอนของพระสัมมาส้มพุทธเจ้าจากรายการ โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ซึ่งสามารถตอบคำถามของออสซี ได้ว่า คนเราเกิดมาทำไม ตายแล้วจะไปไหน..."DMC ทำให้ผมเข้าใจชีวิตมากขึ้น และที่สำคัญผมได้รู้ว่าจะ มีชีวิตต่อไปเพื่ออะไร"
ต่อมา ออสชีมีโอกาสไปวัดพระธรรมกาย และไดไปนั่งสมาธิ กับโครงการ The Middle Way ที่สวนปาทิมวันต์ จ.เลย และมี ประสบการณ์การนั่งสมาธิที่เขารู้สึกพึงพอใจ เขาสัมผัสได้ถึง สันติสุขและความผ่อนคลายจากการทำสมาธิ
แม้ออสฃีจะเป็นขาวต่างชาติต่างศาสนา แต่ด้วยคุณสมบัติ อันพิเศษของพระพุทธศาสนาที่แตกต่างจากศาสนาอื่น ๆ ทำให้เขา สนใจศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามาเป็นเวลาหลายปี และเคย'ฝึกนั่งสมาธิกับชาวพุทธกลุ่มหนึ่งที่ขื่อ The Friends of the Western Buddhist Order (FWBO) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียง อยูในยุโรปและอเมริกา และสมาธินี่เองที่ทำให้เขาสนใจอยากบวช
"ความอยากบวชของผมเริ่มต้นจากความอยากเรียนสมาธิ ผมศึกษาพระพุทธศาสนาอยู่หลายปี และคิดว่าเป็นศาสนาที่มี เหตุผล คือ สอนว่าทำอย่างไรได้ผลอย่างนั้น และเป็นศาสนาที่ไม่ เหมือนศาสนาอื่น คือ มีความเป็นอิสระ ไม่บังคับใจใครให้นับถือปัจจุบันผมจึงหันมาเป็นขาวพุทธ ผมอยากบวชมาก ผมบินไป อินเดียและจะบวชที่นั่น ที่จริงผมเกือบจะได้บวชถึง ๓ ครั้งแล้ว แต่ ก็มีเหตุทำให้ไม่ได้บวชสักที มีปัญหาต่าง ๆ นานา"
ในที่สุดความฝืนก็เป็นจริง เมื่อออสซีได้ยินข่าวโครงการ บวช ๑๐๐,๐๐๐ รูป ความคิดเรื่องบวชก็กลับมาอีกเป็นครั้งที่ ๔ คราวนี้เขาไม,รอคอยจนถึงครั้งที่ ๕ เขาตัดสินใจสมัครเข้าอบรมที่ วัดโคกสูง จ.นครราขสีมา ซึ่งเป็นวัดที่มีพระพี่เลี้ยงและสามเณร ชาวต่างชาติมากที่สุด มีทั้งชาวไอร์แลนด์ อังกฤษ มองโกเลีย เนปาล ศรีลังกา เนเธอร์แลนด์ และเบลเยี่ยม รวม ๑๐ กว่ารูป เมื่อได้บวชเป็นพระแล้ว พระออสซีได้ประสบการณ์ที่ ประทับใจเกินคาด และอยากให้ชาวต่างชาติคนอื่น ๆ ได้สัมผัสกับ โอกาสดี ๆ อย่างท่านบ้าง
"พิธีกรรมการบวชถือว่าเป็นความแปลกใหม่สำหรับชาว ตะวันตกอย่างอาตมา ตอนแรก ๆ อาตมาก็รู้สึกตื่นเต้นและ ประหม่าเหมือนกัน แต่ก็ชอบและประทับใจ โดยเฉพาะการที่มี ผู้คนมาแสดงความยินดีอนุโมทนากับผู้บวช ด้วยการมาตัดปอยผม ให้ แม้ว่าจะไม่รู้จักกัน อาตมารู้สึกว่าเป็นวัฒนธรรมที่ดีมาก บวช ครั้งนี้อาตมาได้ฉายาว่า ปวิตปณฺโณ สำหรับเรื่องของการนั่งสมาธิที่พระออสซีมีความสนใจมาก เป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้น เมื่อได้นั่งต่อเนื่องไปสักระยะหนึ่ง ท่านบอก ว่า "อาตมาชอบนั่งสมาธิมาก เพราะนอกจากจะมีความสุขแล้ว สมาธิยังเป็นคำตอบของทุก ๆ ปิญหา และเป็นสิ่งเดียวที่จะแกไข ทุก ๆ อย่างได้ สมาธิมีความสำคัญต่อมนุษย์มาก จำเป็นอย่างยิ่งที่ ทุก ๆ คนไม่ว่าเชื้อชาติศาสนาใดก็ตาม ต้องเรียนรู้และ'ฝิกสมาธิ และแน่นอนว่าอาตมาจะช่วยแนะนำเรื่องสมาธิให้กับทุก ๆ คนที่ อาตมารู้จักให้มากที่สุด หลังจากที่ลาสิกขาไปแล้ว
"การปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงพระธรรมกาย ในความคิดของ อาตมา คือ สิ่งที่เรียบง่ายแต่สุดยอดเกินบรรยาย ให้ผลเร็วในเวลา อันสั้น อาตมาขอบนั่งสมาธิแบบนี้มากกว่าแบบอื่นที่เคยศึกษามา"
พระออสฃีเริ่มต้นการบวชด้วยความรักตนเอง ต้องการทำสิ่ง ที่ดีที่สุดแก่ตนเอง ต่อมาเมื่อคำสอนในพระพุทธศาสนา และ การดำเนินชีวิตแบบพระภิกษุซึมซาบเข้าไปในใจ จิตใจของท่านก็ อ่อนโยน สงบ และบริสุทธึ๋มากขึ้น เกิดความรักความเมตตาต่อ เพื่อนมนุษย์มากขึ้น และอยากทำศวามดีเพื่อคนอื่นมากขึ้น
"หลังจากบวชมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ อาตมารู้สึกเหมือน ได้ปล่อยวางและสงบมากขึ้น อาตมาได้เรียนรู้และเข้าใจการเป็น พระมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนแรกอาตมาไม'ได้รู้สึกถึงความแตกต่าง หรือเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเองมากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน ตรงกันข้ามกับก่อน บวช ตอนนี้อาตมารู้สึกเหมือนได้กลับมาสู่ชีวิตในแบบที่เรียบง่าย ไม่ต้องยึดติดอะไร ได้ทำความสะอาดใจตัวเอง รู้สึกมืความมั่นใจ และมืความเมตตาปรารถนาดี อยากจะทำความดีเพื่อคนอื่น ให้มากขึ้น ตอนนี้อาตมาจึงสมัครไปช่วยดูแลสามเณรและพระรุ่น นานาชาติที่ไปปฏิบัติธรรมในสถานที่ต่าง ๆ"
ในเรื่องของความรู้สึกต่อโครงการอุปสมบทหมู่ ๑๐๐,๐๐๐ รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทยนั้น พระออสซีกล่าวว่า "อาตมาประทับใจโครงการที่ถูกออกแบบและจัดได้อย่าง ลงตัว และที่ประทับใจมากที่สุดคือพระอาจารย์ที่ดูแลพวกเรา และช่วยแก้ปิญหาทุก ๆ อย่างตลอดโครงการ นอกจากนี้อาตมายังประทับใจคุณตาท่านหนึ่งที่อายุมากถึง ๘๔ ปี ก็ยังมาบวช นอนในเต็นท์ และทำกิจกรรมทุก ๆ อย่างกับพวกเราอย่างตั้งใจ
"โครงการนี้มีประโยชน์มากสำหรับทุก ๆ คน ไมใช่เฉพาะ ชายไทย อาตมาคิดว่าโครงการลักษณะนี้เหมาะสำหรับชาว ตะวันตกด้วย เพราะปืจจุบันในแต่ละปีชาวตะวันตกมักจะหาเวลา พิเศษ ๆ ให้กับตัวเองด้วยการไปท่องเที่ยว พักผ่อน หรือหา กิจกรรมทำเป็นเวลานาน ๆ ถ้าคนเหล่านั้นมีโอกาสมาเข้าโครงการ ลักษณะแบบนี้ ก็จะดีกับพวกเขามาก พวกเขาจะได้นำคำลอนใน พระพุทธศาลนาและการทำลมาธิไปใชในการดำเนินชีวิตอย่างมี ความลุข และจะได้รู้เป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์
"ในล่วนตัว อาตมารู้สึกภูมิใจและมีเกียรติมากที่ได้บวข ในครั้งประวัติศาสตร์นี้ด้วย และขอเชิญชวนผู้ขายทุกคนให้มาบวช เพราะขนาดอาตมายังข้ามทวีปมาบวชได้ ใครที่อยู่ใกล้กว่า ทำไม จะบวชไม่ได้ ขอเพียงแค่เอาชนะความกังวล และหยิบปากกากรอก ใบลมัครก็เท่านั้นเอง"
การบวชสำหรับพระออสซีไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ท่านไม่ ไดโชคดีเหมือนคนไทยที่มีโอกาสบวชได้ง่ายกว่า พระออลซีพลาด การบวชมาแล้วถึง ๓ ครั้ง และต้องเดินทางมาไกลกว่าจะได้บวช ท่านจึงคิดว่าจะต้องเรียนรู้สิ่งดี ๆ ไปให้มากที่สุด ดังนั้นท่านจีงยืด ระยะเวลาการบวชออกไปอีก
"ที่จริงแล้วอาตมาคิดว่าระยะเวลา ๑ เดือน อาจน้อยเกินไป เสียด้วยซํ้าที่จะเรียนรู้สิ่งดี ๆ จากการบวช น่าจะขยายเป็น ๒ หรือ ๓ เดือน สำหรับอาตมาในตอนนี้ต้องการเวลาที่จะเรียนรู้ชีวิตแบบ นี้ ๓ เดือน อาตมาบวชตั้งแต่วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ จะครบ ๓ เดือน วันที่ ๙ พฤษภาคม อาตมาจะลาสิกขาในวันนั้น
"อาตมาคิดว่าโครงการบวชพระ ๑๐๐,๐๐๐ รูป เป็นสิ่งที่ น่าทึ่งมาก เสมือนการรวมตัวเพื่อก่อให้เกิดสันติภาพโลก คนไทย โชคดีมากที่ประเทศไทยมีโครงการดี ๆ แบบนี้ ทุกคนน่าจะรู้สีก ภาคภูมิใจที่สิงนี้เกิดขึ้นในแผ่นดินของตน เพราะสำหรับชาวต่าง ประเทศแล้วยากที่จะมีโอกาสแบบนี้ในประเทศของเขา
"ทั้งโครงการบวชพระและบวชอุบาสิกาแก้วเป็นโครงการที่ มีประโยชน์มาก หากทุก ๆ ครอบครัว .ทั้งสามีและภรรยาได้มาเข้า โครงการทั้งคู่ ก็จะทำให้เป็นครอบครัวที่มั่นคง มีความสุข คนไทย ควรตระหนักถึงความโชคดีและให้โอกาสนี้กับตัวเอง
"สำหรับตัวอาตมาเองตั้งใจว่าอยากจะบวชทุก ๆ ปี และ เมื่อถึงวันหนึ่งที่พร้อมอาตมาจะกลับมาบวชตลอดชีวิต"