|
อบรมธรรมทายาท และอุปสมบทหมู่ รุ่นบูชาธรรม พ.ศ. 2551 อายุ 26 ปี ปริญญาโท คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คนสองคน กับพระลูกชาย
คนสองคนที่มอบทุกอย่างให้เราได้แม้แต่ชีวิต โดยไม่คิดสิ่งใดตอบแทน คนสองคนที่หวังเพื่อให้เรามีความสุข ท่านก็สุขด้วยเช่นกัน คนสองคนที่อยู่เบื้องหลังความสุขความสำเร็จของเรา คนสองคนที่ยืนเคียงข้างเป็นกำลังใจให้เราเสมอมา เมื่อได้ทบทวนช่วงชีวิตที่ผ่านมา ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ภาพวันคืนเก่า ๆ ค่อย ๆ ฉายขึ้นมาให้เห็น
“เมื่อก้าวลงจากบันไดโบสถ์ หลวงพี่ก็มองเห็นไกล ๆ แล้วว่าโยมนั่งตรงจุดไหน แล้วก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งหันหลังอยู่ที่จุดนั้นด้วยที่น่าแปลกก็คือ เขานั่งอยู่บนรถเข็น หลวงพี่ก็นึกสงสัยว่ามีญาติที่พิการจนต้องนั่งรถเข็นมาด้วยหรือ ไม่นานความสงสัยก็หมดลง เมื่อหลวงพี่มาหยุดตรงหน้าโยม แล้วก็มีเสียงฆ้องดังเพื่อให้นาคธรรมทายาทหันหน้าเข้าหาผู้ปกครอง
ภาพที่เห็นคือโยมป๋านั่งอยู่บนรถเข็นคันนั้น ที่เข่าจนถึงข้อเท้าเป็นรอยช้ำและบวมแดง ขาดูใหญ่ผิดปกติจากที่เคยเห็น ในสมองหลวงพี่มีแต่คำถามที่ต้องการคำตอบมากมาย ด้วยความเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้นกับโยมป๋า แต่พิธีกรรมกำลังดำเนินอยู่จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากมองดูเพียงอย่างเดียวแต่ดูได้ไม่นานก็ต้องหลบสายตาลง เพราะกลัวว่าจะคุมความรู้สึกที่อัดอั้นในใจไม่อยู่
ขณะที่พิธีกรรมกำลังดำเนินต่อไปกับบรรยากาศภายนอก ที่ช่างดูสวยงาม สงบและเย็นใจแต่ความรู้สึกของหลวงพี่ยังคงอึดอัด และบีบคั้นหัวใจมากขึ้นเรื่อย ๆ โยมแม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ส่งยิ้มจาง ๆ มาให้เหมือนท่านจะเข้าใจความรู้สึกที่เกิดกับหลวงพี่ แต่ทำได้เพียงแค่ส่งสายตาถึงกันเท่านั้นจนกระทั่งพิธีกรนำนาคธรรมทายาท กล่าวคำขอตัดปอยผม
เมื่อคำกล่าวคำแรก หยุดออกมาจากปาก น้ำตาก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย จนหลวงพี่กล่าวคำใด ๆ ต่อแทบไม่ไหว น้ำเสียงที่เปล่งออกมามันสั่น ๆ ขาด ๆ หาย ๆ จนฟังแทบไม่รู้เรื่อง ความรู้สึกตอนนั้นมันสับสนทั้งปลื้มและเศร้า ท่านเจ็บหนัก ลำบากขนาดนั้นก็ยังมา งานตัดปอยผม เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นว่าท่านทั้งสองก็ร้องไห้เหมือนกัน แต่สำหรับโยมป๋า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นท่านมีน้ำตา โดยปกติท่านจะไม่ได้มีโอกาสมาวัดพร้อมกัน เพราะต้องอยู่เผ้าร้าน แต่วันนี้ท่านก็มาพร้อมกันแม้จะเป็นแค่วันปลงผม หลวงพี่ปลื้มและดีใจมาก ๆ หลวงพี่รักท่านทั้งสองมาก ๆ ด้วย โยมย่าและญาติพี่น้องที่มาร่วมพิธีก็พลอยร้องไห้ไปกันหมดด้วย
เมื่อถึงขั้นตอนที่โยมจะต้องตัดปอยผม โยมแม่เดินเข้ามาบีบหัวไหล่และเช็ดน้ำตาให้พลางพูดปลอบใจว่า “ ไม่เป็นไรนะ ป๋าไม่เป็นไรแล้ว “ เมื่อโยมป๋าเข้ามาตัดปอยผมท่านก็ยิ้มให้ เหมือนกับบอกให้รู้ว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงท่าน ภาพถ่ายในงานวันนั้นของครอบครัวเราคงออกมาไม่น่าดูในด้านความสวยงาม แต่มันเป็นภาพที่ประทับใจ เพราะมันออกมาจากใจที่แท้จริงของทุกคน
หลวงพี่ได้มารู้หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแล้วว่า โยมป๋าประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากรถบรรทุกกระดูกที่ข้อเท้าร้าวจนไม่สามารถเดินได้ปกติ ต้องใช้เวลาหลายเดือนรักษาตัว เมื่อหายแล้วอาจจะกลับมาเดินเหมือนปกติไม่ได้ แต่ท่านก็บอกให้เราสบายใจ ไม่ต้องกังวล ให้บวชด้วยความสบายใจ
เห็นโยมป๋าแล้ว ทำให้หลวงพี่ยิ่งนึกถึงความไม่แน่นอนของชีวิต และเห้นความรักของพ่อแม่รวมทั้งเห็นความสุขใจของท่านที่ลูกมาบวช ยิ่งทำให้หลวงพี่ต้องตั้งใจในการบวชในครั้งนี้ให้ยิ่งขึ้น และอธิษฐานให้บุญที่บวชในครั้งนี้ ทำให้โยมป๋าหายป่วยและขอให้ท่านทั้งสองมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปด้วย
ที่มา... หนังสือ “จุดเปลี่ยน”