สามัญญผลเบื้องสูง
พระธรรมเทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูทรงรู้สึกประทับใจ และศรัทธาในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง ทรงเคารพเทิดทูนพระพุทธคุณไว้สูงสุด ทั้งประจักษ์แจ้งในพระอัจฉริยภาพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเลิศล้ำกว่าเจ้าลัทธิอื่นๆ อย่างเทียบเทียมมิได้เลย ในลำดับนั้นเองพระพุทธองค์จึงทรงแสดงสามัญญผลที่ละเอียดประณีตยิ่งขึ้นจนถึงขั้นสูงสุด อันได้แก่ วิชชา ๘ ซึ่งเป็นการบรรลุมรรคผลนิพพาน
การบรรลุมรรคผลนิพพาน
การที่บุคคลจะสามารถบรรลุผลมรรคนิพพานได้นั้น มีหลักสำคัญอยู่ว่า ต้องอบรมใจให้เป็นสมาธิแน่วแน่ให้ได้เสียก่อนโดยการวางใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นที่ตั้งถาวรของใจเมื่อใจของผู้เจริญภาวนาเป็นสมาธิแน่วแน่ยิ่งขึ้น ไม่ซัดส่าย สงบนิ่ง มั่นคงอยู่ในอารมณ์เดียว ใจก็จะใสบริสุทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ จนปรากฎเป็นดวงกลมสุกสว่าง ผุดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ สภาวะที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ย่อมหมายความว่า กิเลสเบื้องกลางหรือ ที่เรียกว่า นิวรณ์ ๕ ได้สงบระงับจากใจไปแล้ว ใจจึงดำดิ่งนิ่งแน่วเข้าสู่ภายในต่อไปอีก ทำให้ผู้เจริญภาวนาบรรลุฌานทั้ง ๔ ระดับไปตามลำดับๆ ดังได้กล่าวแล้วในบทที่ ๗