• Description slide 1

  • Description slide 2

  • Description slide 3

  • Description slide 4

ดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งาน
 

ประโยชน์ของการอุปสมบท
โดย พระอาจารย์ ศุภโชค สุภคโค พระอาจารย์  ผู้มีประสบการณ์ ดูแล การอบรมบวชพระ วัดพระธรรมกาย มาหลายปี



ในสมัยพุทธกาลมีพระราชาอยู่พระองค์หนึ่ง พระนามว่า “พระเจ้าอชาติศัตรู” มีอยู่วันหนึ่งท่านทรงทูลถามปัญหากับพระพุทธเจ้าว่า ผู้ที่ศึกษาวิชาชีพ เช่น ศึกษาวิชาการทำไร่ ทำนา ทำสวน ช่างไม้ การคำนวณ พอเขาศึกษาวิชาชีพเสร็จแล้วก็เอาวิชาชีพนี้ ไปเลี้ยงชีพ ได้ทรัพย์มาก็เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวให้เป็นสุข และยังมีทรัพย์เหลือไว้ทำบุญได้อีกด้วย นี่คือประโยชน์จากการศึกษาวิชาชีพ ถูกมั้ยเอ่ย คราวนี้พระเจ้าอชาติศัตรูท่านก็ถาม พพจ.ต่อว่า แล้วการบวชละ การบวชพระ บวชแล้วเห็นประโยชน์ในปัจจุบันละ แบบบวชแล้วประโยชน์เห็นๆเลย คืออะไร


เจอคำถามแบบนี้ถ้าไม่ใช่ครูบาร์อาจารย์นี่คงอึ้งไปเลย แต่ พพจ.เราท่านก็ไม่ได้ตอบโดยตรง ท่านกลับย้อนถามกลับไปเลยว่า เป็นคำถามสุดท้ายน๊ะ สมมุติว่ามหาบพิตรมีคนรับใช้คนหนึ่ง โอ้โห ตื่นก่อน นอนทีหลัง รับใช้อะไรถูกพระทัยหมดเลย และแล้ววันหนึ่งคนรับใช้คนนี้เกิดความคิดว่า พระราชาก็เป็นมนุษย์ เราก็เป็นมนุษย์ แต่พระราชาเสวยสุขในพระราชสมบัติ พรั่งพร้อมในกามคุณ 5 แต่เราต้องมาคอยรับใช้ อุปัฏฐากดูแลพระองค์ เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน แสดงว่าพระราชาคงสั่งสมบุญมาดี ชาตินี้จึงมาเป็นพระราชา แต่เราสั่งสมบุญมาน้อย อย่างกระนั้นเลย เราออกบวชดีกว่า เพื่อที่จะได้เอาบุญนี้ทำให้เราได้มีโอกาส พบชาติต่อไปจะได้เป็นพระราชาเพื่อจะได้เสวยสุขอยู่ในราชสมบัติ พรั่งพร้อมด้วยกามคุณ 5 เหมือนดั่งพระองค์บ้าง  ว่าแล้วก็ออกบวช พอออกบวชก็ตั่งใจบำเพ็ญสมณะธรรม อยู่ศีลลาจารวัตรอย่างดี เมื่อเป็นอย่างนี้ พพจ.จึงถามว่า เมื่อคนรับใช้ของพระองค์ออกบวชอย่างนี้ เมื่อเป็นอย่างนี้ พอออกบวชก็ตั่งใจบำเพ็ญสมณะธรรม อยู่ศีลลาจารวัตรอย่างดี มหาบพิตรยังจะไปตามคนรับใช้คนนี้ กลับมารับใช้พระองค์อีกมั้ย พระราชาก็บอกว่า ไม่เลยพระเจ้าคะ ข้าพระองค์ซะอีกที่ต้องคอยดูแล คอยให้ความเคารพและจัดการดูแลอารักขาให้อย่างดี พระองค์ก็ย้อนถามว่า แล้วมหาบพิตรเห็นหรือยัง (ประโยชน์เห็นๆ เห็นหรือยัง) ประโยชน์นั้นคืออะไร คือเป็นการยกฐานะ พอบวชปุ๊บ ถูกยกฐานะเลย จากที่คอยรับใช้อุปัฏฐากดูแลพระเจ้าแผ่นดิน กลายเป็นพระเจ้าแผ่นดินต้องมาคอยอุปัฏฐากดูแล อารักขาให้ แล้วก็พอสรุปได้ว่า วัตถุประสงค์จริงๆ คือหวังบุญ นี่คือวัตถุประสงค์หลักเลย คือหวังบุญเพื่อที่จะเอาบุญให้ตัวเองมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต และผลประโยชน์เห็นๆ ที่ได้จากการยกฐานะนี่ ก็จะถือโอกาสจากการที่ได้รับการยกฐานะนี่ ไปศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของสัมมาสัมพุทธเจ้า บำเพ็ญสมณะธรรมและก็นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน


เราจะได้ประโยชน์จากการบวชอย่างไรในทางโลก

จากเรื่องนี้เราจะได้เห็นว่าการบวชเพื่อหวังบุญ แสดงว่าบุญอยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จทุกอย่าง ใครมีบุญมากก็สำเร็จมาก ใครมีบุญน้อยก็สำเร็จน้อย สติปัญญาก็พอๆกัน ความขยันหมั่นเพียรก็พอๆ กัน แต่ทำไมความสำเร็จไม่เท่ากัน ที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าต้นทุนคือบุญในอดีต สั่งสมมาไม่เท่ากัน หลวงพี่จะยกตัวอย่างแก้วน้ำ 3 ใบ แก้วน้ำใบแรกมีน้ำขอดแก้ว แก้วน้ำใบที่ 2 เหมือนน้ำครึ่งแก้ว แก้วน้ำใบที่สามเหมือนน้ำค่อนแก้ว ใช้ภาษาที่ให้มันจำง่ายๆ ขอด ครึ่ง ค่อน เมื่อแก้วน้ำแต่ละใบมีน้ำไม่เท่ากัน ปริมาณและเวลาที่จะเติมน้ำให้เต็มมันก็ไม่เท่ากัน ถ้าใครในอดีตทำบุญมาน้อยเหมือนน้ำขอดแก้ว ชาตินี้ขยันมากแต่สำเร็จน้อย เคยเจอมั้ย คุ้นๆ มั้ย ขยันมากแต่สำเร็จน้อย ถ้าต้องการสำเร็จมากต้องขยันแบบมากๆๆๆ เคยเจอมั้ย ถ้าใครก็ตามในอดีตมีต้นทุน คือมีบุญ เหมือนน้ำครึ่งแก้ว ชาตินี้ขยันน้อยก็สำเร็จน้อย ขยันมากก็สำเร็จมาก เคยเจอมั้ย ส่วนใครมีต้นทุนหรือบุญในอดีตเหมือนน้ำค่อนแก้ว ชาตินี้ขยันน้อยก็สำเร็จมาก เคยเจอมั้ย ขยันมากก็สำเร็จมากๆ แสดงว่าถ้าเราบวชพระในครั้งนี้เราจะได้มีบุญเยอะๆในชาติหน้า ถูกมั้ย ถ้ามีบุญอาจจะช้าสักนิดหนึ่ง แต่จะเร็วแซงหน้า นี่ที่เรียกว่า ดูเหมือนช้าแต่เร็ว

ความสำเร็จที่รวดเร็วเกิดจากบุญ

ตอนนี้เราอยากเป็นน้ำที่เต็มแก้วกันหรือยัง แต่บางคนอาจจะบอกว่าตอนี้ยังไม่พร้อม ธุรกิจยังไม่แข็งแรง งานก็ต้องลา มีความกังวล มีอะไรติดขัดเยอะๆ จะแก้ยังไง ถ้าเรารู้ว่าบุญอยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จอยู่ที่บุญ ถ้าใครรู้อย่างนี้แล้วสั่งสมบุญควบคู่ไปกับธุรกิจ ความสำเร็จทางธุรกิจดูเหมือนช้าแต่เร็ว ส่วนใครที่มุ่งทางธุรกิจอย่างเดี่ยวไม่สนใจเรื่องบุญ เรื่องธรรมะเลย ดูเหมือนเร็ว แต่..ช้า หลวงพี่จะยกตัวอย่างให้ฟัง ผู้ที่ทำบุญ สั่งสมบุญไปพร้อมกับการทำธุรกิจ หลวงพี่ยกตัวอย่างการเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ ผู้ที่สั่งสมบุญไปด้วยอุปมาเหมือนขึ้นเครื่องบินไป ส่วนใครที่มุ่งธุรกิจอย่างเดียวเหมือนขับรถส่วนตัว ด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชม. เรามาดูชั่วโมงแรก เริ่มพร้อมกัน ชั่วโมงแรกขับรถส่วนตัวเริ่มไปแล้ว 100 กม. ส่วนเครื่องบินเป็นไง ยังรอเช็คอินอยู่เลย ผ่านไปชั่วโมงที่ 2 ขับรถผ่านไปแล้ว 200 กม. ขึ้นเครื่องเป็นไง อาจจะบอร์ดดิ่งอยู่เลย ยังไม่ไป หรือเครื่องกำลังจะออกจากรันเวย์ แต่พอชั่วโมงที่ 3 เป็นไง เครื่องบินไปถึงเชียงใหม่แล้ว ส่วนรถพึ่งได้ 300 กม. เอง แต่เครื่องถึงเชียงใหม่เรียบร้อยแล้วเห็นมั้ย ถ้ามีบุญนี่ แม้จะสตาร์ทช้ากว่าแต่จะเร็วแซงหน้า ถูกมั้ย ดูเหมือนช้าแต่เร็ว ถ้ามีบุญอาจจะช้ากว่านิดหนึ่งแต่จะเร็วแซงหน้า ดูเหมือนช้าแต่เร็ว

save

ค้นหา

ยอมรับเงื่อนไข ข้อมูลส่วนบุคคล