• Description slide 1

  • Description slide 2

  • Description slide 3

  • Description slide 4

ดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งาน
 

คอลัมน์ เด็กชายอลงกรณ์ ตึกสองชั้นสาม

เรื่อง กระเป๋าของเราใบหนึ่ง

 

 

      ผมรู้สึกเสมอครับว่า คนเราเกิดมามีกระเป๋าติดตัวกันมาคนละใบ ขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน  แต่ที่เหมือนกันหมดคือ เราทุกคนมีสิทธิ์ในกระเป๋าใบนี้อย่างเต็มที่ ถ้าชอบของเล่น เราก็เอาของเล่นใส่กระเป๋า  ชอบขนม ชอบไอติม เราก็เอาของกินมาใส่กระเป๋า ถ้าชอบดูหนัง ชอบฟังเพลง ชอบรถยนต์ ชอบเงิน ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว   เราชอบอะไรก็แล้วแต่  เราก็สามารถเอามาใส่กระเป๋า และถ้าหากเราไม่ชอบอะไร เราก็จะไม่เอามาใส่

       แต่บ่อยครั้งที่เราก็เผลอเก็บเอาก้อนที่เราไม่ชอบใส่มาโดยที่เราไม่รู้ตัว เราจึงต้องแบกกระเป๋าหนักๆที่เต็มไปด้วย  ก้อนที่ชื่อว่างาน ก้อนชื่อว่าปัญหา ก้อนชื่ออุปสรรค ก้อนไขมันที่อุดตันความคิดดีๆ แถมยังมีก้อนกังวล และก้อนความเครียดรวมอยู่ด้วย ทั้งของที่ชอบและไม่ชอบ บางทีเรา หยิบใส่เพลินจนลืม  ไม่ได้สนใจว่าใส่อะไรลงไปในกระเป๋าบ้าง ทั้งของกินของใช้ หมักหมมทับถมกันอยู่ในนั้น แล้วมันก็เริ่มบูดเน่า  

      เราจึงต้องตัดใจทิ้งของในกระเป๋าออกไปเสียบ้าง จากนั้นก็ค่อยเอาใส่เข้าไปใหม่ จะเอาเข้าเอาออกกี่รอบเราก็ทำได้ หรือจะเททิ้งทั้งกระเป๋า เราก็ทำได้ผมเห็นบางคนเอาของบูดเน่าไปทิ้งตามกองขยะ บางคนทิ้งบนถนน  บางคนทิ้งแบบขว้างปา บางคนไปเททิ้งใส่ในกระเป๋าของคนอื่น และบางทีก็มีที่ทิ้งใส่ลงไปให้กับคนรักในครอบครัวของตัวเองผมไม่ชอบทิ้งใส่กระเป๋าของใคร และไม่อยากให้ใครเอามาทิ้งใส่กระเป๋าผม ผมจะรู้สึกสงสารทุกครั้งเมื่อเห็นใครถูกของบูดเน่าสาดเทใส่ เหมือนกับที่ผมสงสารเจ๊อึ่ง

      เจ๊อึ่งแกก็มีกระเป๋าติดตัวเหมือนคนอื่นๆ  แต่กระเป๋าของแกน่าจะเรียกว่าเป็นถุงพลาสติกมากกว่า  มันคล้ายกับถุงดำใบใหญ่ที่ใส่ขยะ ผมเห็นเจ๊อึ่งตั้งแต่เด็กๆ แกมีอาชีพเก็บขยะ  ในทุกๆวันแกจะคุ้ยๆ ตามกองขยะในตลาดสดหรือไม่ก็ที่หลังโรงเรียน พอคุ้ยๆ แล้วแกก็เลือกเก็บที่ต้องการใส่ถุง เด็กส่วนใหญ่จะกลัวแก กลัวเจ๊อึ่งจับใส่ถุง เด็กคนไหนดื้อหรืองอแงร้องไห้ ผู้ใหญ่มักจะขู่ให้เงียบไม่งั้นเดี๋ยวจะให้เจ๊อึ่งเข้ามาจับแม้จะยังไม่เคยมีเด็กคนไหนถูกเจ๊อึ่งจับสักคน แต่เด็กทุกคนก็ยังกลัว ถามว่า

      ตอนนั้นเด็กๆกลัวอะไรเจ๊อึ่ง  เด็กบางคนกลัวเสื้อผ้าที่สกปรก กลัวผมเผ้าที่ยาวรุงรังของแก  กลัวเนื้อตัวดำๆ และมอมแมม แต่ที่ผมกลัวมากที่สุดคือรอยยิ้มของแก  โดยเฉพาะรอยยิ้มที่เห็นฟันขาวๆ ยามที่แกเจอหน้าผมแล้วส่งยิ้มมาให้ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงกลัว  อาจเป็นเพราะว่าความที่เรายังเด็ก เรายังแยกไม่ออกว่า อะไรคือขาว อะไรคือดำ อะไรคือความสะอาดหรือสกปรกจริงๆ และแยกไม่ออกระหว่างสิ่งที่เราเห็นจากภายนอกกับที่แสดงออกมาจากภายในจิตใจของคนเรามันต่างกันอย่างไรอย่าว่าแต่เด็กๆเลยที่ไม่ชอบและกลัว  แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังรังเกียจเจ๊อึ่ง

      อะไรที่บูดเน่าในกระเป๋าของตัว กองขยะมีกลับไม่ทิ้ง ดันเอาไปเททิ้งใส่ในกระเป๋าเจ๊อึ่งพอเห็นแกถูกรังแกบ่อยเข้า ผมก็รู้สึกที่จะอดสงสารไม่ได้  ความสงสารมันเกิดขึ้นมาพร้อมกับความสงสัยครับว่า  เจ๊อึ่งเจอคนเขาสาดของบูดเน่าใส่เป็นประจำอย่างนี้แล้วทำไมแกยังยิ้มเห็นฟันขาวๆออกมาได้อย่างสม่ำเสมอผมยังคงกลัวและไม่กล้าเข้าไปถามแกโดยตรงหรอกครับ ได้แต่เดาคำตอบเอาเองว่า เจ๊อึ่งแกน่าจะล้างและทำความสะอาดกระเป๋าทุกวันเพราะถ้าคนเราอารมณ์ดีไม่มีกลิ่นบูดเน่า จิตใจของเราก็จะสะอาดสดใส สิ่งดีๆที่งดงามจากภายในก็จะแสดงออกมาสู่ภายนอก  

     แล้วเมื่อนั้นมันก็จะทำให้เรายิ้มออกเห็นฟันขาวๆได้เป็นประจำทุกๆวันที่ตึกสองชั้นสาม คุณครูถามเด็กชายอลงกรณ์ว่า

 

 คุณครู :             “เธอมีวิธีทำอย่างไรให้ร่างกายสะอาด?”

 ด.ช.อลงกรณ์ :    “ล้างกาย  ไปอาบน้ำครับ”

 คุณครู :             “แล้วเธอมีวิธีทำอย่างใรให้จิตใจสะอาด?”

 ด.ช.อลงกรณ์ :    “ล้างใจ  ไปสวดมนต์ ไปนั่งสมาธิครับ”

 คุณครู :             “แล้วเธอมีวิธีทำอย่างให้กระเป๋าสะอาด?”

 ด.ช.อลงกรณ์ :    “ ......... ไปซื้อใบใหม่ครับ....”       

                          “ !!! ”............................................................................

 

 

จาก พี่โค้ก อลงกรณ์

 

ค้นหา

ยอมรับเงื่อนไข ข้อมูลส่วนบุคคล